หลายคนคงเคยได้ยินและคุ้นกับ คำว่า รถยนต์ EV (รถยนต์ไฟฟ้า) กันมาบ้างพอสมควรแล้ว ซึ่งจริงๆแล้วรถยนต์ EV นั้นมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ผมจะมาเล่าให้ฟังกันครับว่ามีประเภทไหนบ้าง รวมถึงแนวโน้มการใช้งานในอนาคต
ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า
1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV)
2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV)
3. รถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV)
4. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)
1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV)
เป็นรถยนต์ที่มีการใช้เครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนทำงานร่วมกัน โดยในขณะที่รถยนต์ประเภทนี้มีการเบรค มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็น Generator และเปลี่ยนพลังงานจลน์กลับคืนเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้อีกด้วย เราเรียกกระบวนการนี้ว่า Regenerative braking จากกระบวนการออกแบบและการทำงานของรถยนต์ Hybrid ทำให้รถประเภทนี้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวค่อนข้างมาก
ขอยกตัวอย่าง รุ่นรถยนต์ Hybrid ที่มีการวางจำหน่ายในไทย ดังนี้ Toyota Camry Hybrid, Toyota C-HR Hybrid, Toyota Alphard Hybrid, Toyota CHR Hybrid, Honda Accord Hybrid, Nissan X-Trail Hybrid, Toyota Prius, Toyota Altis Hybrid เป็นต้น
2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV)
รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV นั้นมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฮบริด (Hybrid, HEV) แต่จะแตกต่างกันตรงที่รถยนต์ประเภทนี้ สามารถที่จะชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกได้ ซึ่งก็อาจจะใช้เป็น EV Charger หรือ สายชาร์จที่แถมมากับตัวรถก็ได้ ในการใช้งาน จึงทำให้รถยนต์ประเภทนี้สามารถที่จะขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมันแต่จะสามารถใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ในระยะทางสั้นๆเท่านั้น ในด้านสมรรถนะในการขับขี่ มอเตอร์ไฟฟ้านั้นช่วยทำให้รถประเภทนี้นั้นออกตัวได้เร็วกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
แต่อย่างไรก็ตามด้วยราคาแบตเตอรี่ในปัจจุบันที่ยังมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ ส่งผลให้ราคาค่าตัวของรถยนต์ประเภทนี้นั้นมีราคาค่อนข้างสูงและผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มตลาดที่นิยมรถประเภทหรูหรา ตัวอย่างเช่น กลุ่ม Mercedes plug-in hybrid, BMW plug-in hybrid, Audi plug-in hybrid เป็นต้น
3. รถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV)
รถยนต์ประเภทเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV) มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน เพียงแต่แหล่งพลังงานนั้นมาจากพลังงานของก๊าซไฮโดรเจน โดยก๊าซไฮโดรเจนจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศที่เซลเชื้อเพลิงทำให้ได้พลังงานส่งกำลังให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน โดยรถประเภทนี้จะต้องมีการเติมพลังงานไฮโดรเจน ที่สถานีให้บริการ
ในปัจจุบันเทคโนโลยีของรถยนต์ประเภทนี้ยังมีต้นทุนที่สูงอยู่ จึงยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ ยกตัวอย่างรุ่นรถยนต์ประเภทนี้ ได้แก่ Toyota Mirai, Hyundai Nexo, Honda Clarity Fuel Cell
4. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)
รถยนต์ประเภทไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV) นั้นใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว จึงส่งผลให้รถประเภทนี้จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่มากกว่ารถประเภทอื่นๆที่กล่าวมา ผู้ใช้งานรถประเภทนี้สามารถชาร์จไฟฟ้าด้วย EV Charger ที่สามารถติดตั้งตามบ้านพักอาศัย หรือจะชาร์จโดย EV Station ที่เป็นแบบ Quick Charge กรณีที่เดินทางไกลก็ได้ รถประเภทนี้จะมีอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เป็นศูนย์เลย หรือพูดได้ว่าไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามบางท่านอาจจะคิดว่าคงต้องคำนึงถึงมลพิษในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้าด้วยถึงจะถูกต้อง ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ถ้าทำการเปรียบเทียบภาพรวมระหว่างการใช้รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงกับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ แล้วนั้นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ก็ยังถือได้ว่าช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ดีกว่ารถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงแน่นอน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาในการผลิตกระแสไฟฟ้าของแต่ละประเทศด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่มีการวางจำหน่ายในไทย ได้แก่ Nissan Leaf, MG ZS EV, Hyundai IONIQ EV, BMW i3, Kia Soul EV, BYD E6, Audi e-tron เป็นต้น
บทสรุป
ในความคิดเห็นของผม คิดว่าความสนใจในการอยากใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเกิดเร็วยิ่งขึ้น เห็นได้จากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งานที่อาจเปลี่ยนแปลงไป หลายๆคน มีการ work from home กันมากขึ้นในช่วงวิกฤต Covid-19 แบบนี้ ทำให้ผู้ใช้รถยนต์อาจมีระยะทางในการขับขี่รถยนต์ที่สั้นลงในชีวิตประจำวัน จากเดิมที่อาจจะต้องมีการเดินทางจากบ้านไปทำงานเป็นระยะทางไกลๆ ตอนนี้อาจจะแค่ขับรถออกไปซื้ออาหารบริเวณใกล้บ้านและกลับมาทำงานที่บ้านต่อ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าก็สามารถมาตอบโจทย์ New Normal นี้ได้ นอกจากนี้หลายคนคงได้เห็นแล้วว่าในช่วง Covid-19 ค่ามาตรฐาน PM 2.5 นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด อันเนื่องมาจากอัตราการใช้รถยนต์บนท้องถนนนั้นลดลงไปในช่วงนี้ส่งผลให้มลพิษที่ปล่อยจากท่อไอเสียนั้นลดลงไป
แต่อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ในปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่น้อยอยู่ อันเนื่องมาจากราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพงอยู่ รวมถึงจุดสถานีชาร์จไฟฟ้าอาจจะยังมีไม่แพร่หลายมากนักหรือยังต้องใช้เวลานานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งจากสาเหตุที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยทางรัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยผลักดันทำให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นเกิดความแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
บทความหน้า เราจะมาสำรวจตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV) ในไทยกันครับว่ามีรุ่นไหนบ้างที่วางจำหน่ายในไทย รวมถึงราคาขายในแต่ละรุ่น ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและอ่านกันมาจนจบนะครับ ทางผมและทีมงานหวังว่าท่านจะได้รับความรู้ไปไม่มากก็น้อยนะครับ และพบกันใหม่โอกาสหน้าครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย Electric Vehicle Association of Thailand – EVAT
https://www.facebook.com/EVAT2015/